แอบดูละครไทยที่ไปถ่ายทำที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประมาณว่าตามรอยลิขิตรัก “ณเดชน์ กับ ญาญ่า” ภาพความสวยงามของประเทศนี้ มักจะเกี่ยวโยงกับความรักเสมอ เลยทำให้เกิดคู่หู Charcoal & Tofu เรื่องราวความรักที่ก่อเกิดขึ้นที่ละนิด ท่ามกลางการเรียนอันเข้มข้น เหมือนค่อยๆอบขนมพาย
เรามาทำความรู้จักกับคู่หูเจ้าของเพจ ผู้หลงรักการเดินทางและการใช้ชีวิตแบบทำงาน เหนื่อยนักก็ต้องพักผ่อนอย่างมีสไตล์ แห่งเพจแสนสนุกชื่อดัง Charcoal & Tofu เชิญอ่านเลยจ้า
น้องสองคนเนี่ยที่จริงแล้วเค้าเคยเรียนที่โรงเรียนประจำด้วยกันที่ชลบุรีมาก่อน โดยน้องใบหยกหรือ วลัยพร ตั้งสถิตชัย เล่าว่าเธออยู่กลุ่มเด็กดื้อ ส่วนบาส หรือ ปวีณ เลขวัต อยู่กลุ่มเด็กเรียบร้อย ทั้งสองคนใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนตามปกติ ไม่ได้อะไรมากหรือรู้จักกันเป็นพิเศษ แค่อยู่ในรั่วโรงเรียนเดียวกัน พอเรียนจบก็แยกย้ายไปเรียนต่อตามความสนใจรของแต่ละคน เรียนต่างคณะ ต่างสถานที่ ต่างความสนใจ น้องใบหยกสนใจเรียนต่อด้านแอร์ไลน์ ที่มอบูรพา ส่วนน้องบาสเข้าเรียนต่อด้านภาพยนต์ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

แล้ววันหนึ่งโชคชะตานำเรามาพบกันอีก!
น้องหยกอยากเรียนปริญญาโทต่อ ส่วนน้องบาสนั้นเธอมีความสนใจหลากหลายมาก หลังจากเรียนจบภาพยนต์ที่ลาดกระบัง อยากลองหาอะไรใหม่ๆในชีวิตทำ นอกเหนือจากงานกองถ่ายทำหนัง น้องบาสได้ไปฝึกทำงานที่โรงแรมโนโวเทล งานหนักแต่โดนใจหนุ่มน้อยอย่างปัง ถึงขนาดมองหาที่ ที่จะไปเรียนต่อด้านการโรงแรมเลยทีเดียว แล้วก็โลกหมุนให้ทั้งสองมาเจอกันที่งานสัมมนาการเรียนต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จัดโดย Swiss Education Group เหมือนกามเทพแผลงศรแบบเนียนๆ หนุ่มบาสคอนเฟิร์มจุดเริ่มต้นเรื่องราวความรัก “วันนั้นผมก็ไม่รู้นะครับว่าเป็นหยก เขานั่งข้างหน้ากับครอบครัวครับ ส่วนผมนั่งข้างหลัง” แล้วยิ้มกว้างหันไปทางน้องหยก ซึ่งนั่งยิ้มหวานอยู่ข้างๆ

น้องใบหยกเสริมว่า “หลังจากนั้นบาสเขาก็โพสต์ในเฟซบุ๊กว่าจะไปเรียนต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เราทั้งคู่ก็เริ่มคุยกันตั้งแต่วันนั้นในสถานะเพื่อนร่วมสถาบัน” ทั้งสองสมัครไปเรียนที่โรงเรียน Swiss Hotel Management School หนึ่งใน 5 สถาบันในเครือ Swiss Education Group ทั้งคู่เรียนสาขาต่างกัน หยกเรียนในระดับปริญญาโท ในสาขา Master of International Business in Food and Beverage and Restaurant Management ได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบและการจัดการตั้งแต่ต้นจนจบกระบวน ตอนนั้นมีความฝันที่อยากมีร้านอาหารของตัวเองด้วย ส่วนบาสสนใจส่วนที่เป็นเรียนอนุปริญญาโท ในสาขา Postgraduate Diploma in Hotel Operations Management เรียนรู้เกี่ยวกับภาพรวมของการโรงแรม บาสต้องไปเรียนอนุปริญญาก่อน เพราะไม่ได้จบปริญญาตรีด้านการโรงแรม ถือว่าเป็นข้อดีสำหรับคนที่ไม่เคยเรียนรู้เรื่องโรงแรมมาก่อนสาขานี้จะทำให้เห็นภาพกว้างใหญ่ทั้งหมด แต่บาสกระซิบว่า ที่เลือกอยู่ในใจอันดับแรกคือ ทำเลที่ตั้งของโรงเรียนสวยงามมาก “น่าจะมีทีให้ถ่ายรูปงามได้มากมายนะครับ” ถือว่าเป็นการวางแผนที่การเรียนที่สอดคล้องกับสิ่งที่ตัวเองชอบ เพราะบาสเป็นคนชอบถ่ายรูป ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ คงเป็นประเทศที่ตอบโจทย์สำหรับการเรียนการโรงแรม และวิวสวยๆสำหรับการถ่ายรูป ก็เข้าใจน้องเขาตามประสาคนเคยเรียนทำหนังค่ะ

เจอกันอีกทีในรถบัสที่โรงเรียนส่งมารับจากสนามบิน!
คงจะคล้ายๆกับภาพแฮรี่พอตเตอร์ขึ้นรถไฟไปโรงเรียน ที่วิวสองข้างทางสวยสดและทำให้ใจเต้นตูมตาม เฮ้อนี่จะเจออะไรบ้างหนอ เพื่อนจะเป็นอย่างไร ครูจะเป็นอย่างไร น่ากลัวไหมเนี่ย! น้องเด็กรุ่นยุค 4.0 นี้บอกว่า ไม่กลัวเลย อยากถึงจุดหมายให้ไวที่สุด โดยเฉพาะบาสบอกว่านั่งรถระหว่างทางตื่นเต้นๆมาก อยากเห็นโรงเรียนมาก

เรียนหนัก และเรียนรู้หลายอย่างมาก ความเข้มข้นในการสอน ที่มากับผลตอบแทนระดับห้าดาว!
ตั้งกระทู้ ถามถึงความรู้สึกของวันแรกที่เข้าเรียน ทั้งสองเห็นเหมือนกันว่า “ก็มีตื่นเต้นบ้างตกใจนิดหนึ่งเพราะที่ห้องมีเพื่อนๆที่มาจากต่างชาติต่างภาษาแล้วเขาก็ไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษกับเรา” หยกเล่าไปพร้อมหัวเราะ “คือเขาพูดภาษาจีนกันเองเลยค่ะ หยกเป็นคนไทยคนเดียว ก็เลยต้องปรับตัว ทำตัวเนียนๆในกลุ่ม และเปิดใจเรียนภาษาจีนไปด้วย เพื่อให้เราสื่อสารกันได้ แต่หลังๆก็ดีขึ้น”
หนุ่มบาสในสไตล์เสริม “ของบาสวันแรกก็เบลอๆบ้าง ข้อมูลเยอะครับ ต่อมาดีขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้มีคนไทยเรียนในห้องเดียวกัน แต่หลังๆเราต่างก็มีความสนใจต่างกัน ก็แยกๆกันไปตามความสนใจ ที่สำคัญคือการสื่อสารกันให้ได้กับเพื่อนร่วมชั้นอื่นๆด้วยครับ”
เราคิดในใจว่าเก่งมากน้องหยกและน้องบาส นี่คือหลักสำคัญมากในการเรียนโดยเฉพาะเรียนต่างบ้านต่างเมืองต่างภาษา พี่ขอไฮไฟฟ์เลยน้องทั้งสอง แค่นั้นแหละค่ะ คุยกันต่อได้อีกยาวเลย

ชีวิตจริงของคนเรียนโรงแรม รู้จริงเรียนทำจริงเป็นเรื่องใหญ่! แต่อย่าท้อ
อันนี้ขอวกมา อินมูด ซีเรียสหน่อยล่ะ เพราะน้องเขามาเรียนหนังสือ ไม่ได้มาเที่ยวอ่ะค่ะ ดูเหมือนว่าการทำงานในโรงแรม ทำให้คนส่วนมากเข้าใจว่าเขามีชีวิตกับงานสบายๆอยู่ในที่หรูหราราคาแพง แอร์เย็นฉ่ำสำราญใจเหงื่อไม่ตก เหมือนการเดินพรมแดงของเหล่าดาราวันฉายหนังรอบปฐมทัศน์หรือวันรับรางวัล แต่ความจริงนั้นไม่เหมือนนิยายทีวี ก่อนจะได้เดินพรมแดง หรือทำงานที่สถานที่สวยๆเหล่านี้ พนักงานทุกคนเขาต้องผ่านความลำบากมาก่อน และก็เหนื่อยเหมือนงานอื่น แต่เขายิ้มรับแขกนะจ๊ะ

บาสและหยกเล่าว่า เรียนหนักมาก ทำจริงลงมือฝึกจริงและต้องใส่ใจ นี่คือความเป็นจริงฝากน้องๆที่คิดว่าจะมาเรียนทางด้านนี้ที่นี่ จะได้ไม่ช็อค เมื่อมาเจอของจริงนะคะ หยกซึ่งเรียนมาสเตอร์ดีกรีบอกว่าอาทิตย์แรกอาจารย์สั่งให้อ่านบทความหกชิ้น ตอนห้าโมงเย็น แล้วตอนเช้าวันรุ่งขึ้นจะให้ตอบคำถามตามบทความโดยการจับฉลาก ดังนั้นการเตรียมตัวก็ต้องเตรียมทั้งหมด เลยในคืนนั้น นั้นคือแค่วิชาภาคทฤษฏี ส่วนปฏิบัติของหยกคือวิชา Concept Lab ซึ่งหยกชอบ คือจะได้ทำเหมือนการปฏิบัติการห้องอาหารจริง มีเด็กที่เรียน Postgraduate มาเป็นลูกทีม เราจะไกด์เขาในการทำงาน แน่นอนเราไม่เคยทำมาก่อนก็ได้รับการดูแลและแนะนำอย่างใกล้ชิดจากครูผู้เชี่ยวชาญ วิธีการสอนแบบที่เขาประกบติดตามดูอย่างใกล้ชิด ไม่ได้สั่งๆแต่แนะนำ ทำให้ดูครั้งแรกเสร็จแล้วปล่อยให้เราทำเองครั้งต่อไป ให้เราได้ลองผิดและถูก ทุกวันจะมีการ Feedback ประเมินผลงานกันท้ายชั่วโมงเพื่อปรับปรุงครั้งต่อไป

ที่โรงเรียนมีเด็กไทยอยู่ไม่มาก ดังนั้นเป็นการง่ายที่เด็กไทยจะสนิทกันอย่างรวดเร็ว! วกเข้าถามเรื่องส่วนตัวล่ะค่ะ! เรื่องการเป็นคู่หู Charcoal & Tofu มีที่มาที่ไปอย่างไร เกิดรักตอนไหน!ตอนที่ทั้งสองเรียนที่สวิตเซอร์แลนด์ ด้วยความที่อยู่กันคนละกลุ่ม เพราะเรียนคนละดีกรี จนท้ายเทอม ช่วงสามอาทิตย์เบรคคริสต์มาส ก็หาที่เที่ยว ขับรถไปเที่ยวเป็นกลุ่มที่ออสเตรีย เยอรมัน และ เชค รีพับลิค ความสัมพันธ์เริ่มจากคุยกันถูกคอ “ก็ค่อยๆเริ่มรู้จักกัน อยู่ในกลุ่มเพื่อนๆ คุยกันได้ทุกเรื่องค่ะ ค่อนข้างสนิทกันมากขึ้น” น้องหยกเล่าให้ฟัง” ช่วงฝึกงาน น้องหยกต้องกลับมาเมืองไทย ส่วนบาสฝึกงานอยู่ที่ซูริค”
เราร้องอ้าว…….. อ่านต่อฉบับหน้า…… อาทิตย์หน้าค่ะ



